ลงทุนไปนะ! แฮกเกอร์สร้างเครื่องมือหาไชน์นี่โปเกมอน
ถ้าพูดถึงเกมส์ที่กำลังได้รับความนิยมสุดๆในเครื่อง 3DS ช่วงนี้ก็คงจะเป็นเกมส์อื่นไปไม่ได้ นอกจากPokemon XY ภาคใหม่ล่าสุดที่ทางนินเทนโดเพิ่งปล่อยมาให้เล่นกันเมื่อเดือนที่แล้ว แม้ว่าจริงๆแล้วจะเป็นเกมส์สำหรับเด็กๆ แต่ด้วยความดังและความสนุก ทั้งจากการ์ตูนและเกมส์ก็เลยทำให้มีคนเล่นเกมส์นี้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่กันเลย และจุดสำคัญของเกมส์ก็คือการตามหามอนสเตอร์แรร์และโหดมาเลี้ยง เพื่ออวดหรือแข่งกับเพื่อน ซึ่งมอนสเตอร์หายากของเกมส์โปเกมอนนั้นจะเรียกว่า Shiny Pokemon เป็นโปเกมอนที่มีสีสันต่างจากมอนสเตอร์ตัวอื่นๆและเรืองแรง เป็นเอกลักษณ์ การจะได้มานั้นผู้เล่นจะต้องเดินตามหาเอาในป่า แล้วสู้จับมา แต่การจะหาตัวเจอแต่ละทีก็มีโอกาสน้อยมากๆ ส่วนการฟักไข่ยิ่งมีโอกาสเจอน้อยเข้าไปใหญ่
สำหรับผู้เล่นทั่วไปถ้าจะหา Shiny Pokemon ก็ต้องอดทนเดินหาในป่าเอาเองจนกว่าจะเจอ แต่กับแฮกเกอร์คนหนึ่งนามว่า dekuNukem เขาคิดว่าการตามหาโปเกมอนแรร์นี้มันน่าเบื่อ ก็เลยสร้างอุปกร์ตัวช่วยอย่างหนึ่งขึ้น เรียกว่า 'hands free shiny finder.' เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้จะเข้าไปทำงานกับระบบการเล่นของเครือง 3DS โดยอัตโนมัติด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์ คล้ายๆกับโปรแกรม Auto Mouse หรือ Auto Keyboard ที่เราใช้กับคอมพิวเตอร์ คือมันจะกดปุ่มเดินหามอนสเตอร์ในป่าให้เราเองโดยอัตโนมัติ และเมื่อแรนดอมเจอมอนสเตอร์แล้ว อุปกรณ์นี้ก็จะมีโปรแกรมเช็คว่า มอนสเตอร์ที่เจอนั้นเป็นแรร์ Shiny Pokemon หรือเปล่า คือเวลาเจอ Shiny Pokemon ตัวเกมส์จะโหลดนานกว่าเจอมอนสเตอร์ทั่วไป เพราะมอนสเตอร์พิเศษมีแสงสีและอนิเมชั่นที่มากกว่านั่นเอง ตัวอุปกรณ์ก็จะอาศัยการโหลดเกมส์ตรงเนี้ยเป็นตัววัดว่าตัวที่เจอใช่ Shiny Pokemon หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่อุปกรณ์ก็จะ Auto ปุ่มกดหนีออกจากฉากต่อสู้ แต่ถ้าใช่ Shiny Pokemon ตัวอุปกรณ์จะไม่กดปุ่ม แต่จะส่งสัญญาณเตือนเหมือนกับนาฬิกาปลุก ให้ผู้เล่นรู้ตัวมาสู้และจับ Shiny Pokemon ตัวนั้นๆเอาเอง
ก็ไม่ทราบว่าเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนเรืองแสงหรือเปล่า ด้วยความขี้เกียจเดินหาโปเกมอนก็ทำให้ลงทุนลงแรงสร้างอุปกรณ์นี้ขึ้นมาซะแล้ว สำหรับพวกวิศวกรหรือแฮกเกอร์แล้ว การสร้างเครื่องมือพวกนี้มันคงง่ายกว่าการกดปุ่มเดิมตามหาโปเกมอนเอาเองกระมัง อันนี้คนธรรมดาคงไม่เข้าใจ ดีนะที่ทำใช้เองคนเดียว ไม่ได้ทำออกขาย ไม่งั้นอาจจะขายดีเป็นเททิ้งก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น