วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

วิวัฒนาการร้านอินเตอร์เน็ต !!!

วิวัฒนาการร้านอินเตอร์เน็ต !!!

วิวัฒนาการร้านอินเตอร์เน็ต !!! (มีคำไม่สุภาพ ผู้ปกครองควรพิจารณา)
ถ้าโลกเราได้เปรียบร้านเกมส์เป็นด้านมืด เป็นแหล่งมั่วสุม ศูนย์เซ็นเตอร์มอมเมาเยาวชน ใครเข้าไปนี่แค่ปลายเท้าแตะพื้นต้องเสียคนทันที!!! เดี๋ยว เดี๋ยวนะ เว่อร์ไปมั้ยเนี่ย เอาเป็นว่าถ้าร้านเกมคือด้านมืด แน่นอนว่าโลกเรามันต้องมีถ่วงดุลกันครับ มีหยินก็ต้องมีหยาง ด้านสว่างของผู้ใหญ่ก็คงเป็นร้านอินเตอร์เน็ตนั่นเอง เพราะส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า อินเตอร์เน็ตเพื่อการฉึกฉา เหอะๆๆ
ขอเจาะลึกเรื่องชื่อนิดนึง คือต้องมีวิธีเรียกนิดนึงนะครับ ตรงนี้ซีเรียสเหมือนกัน ไม่รู้ทำไม ถ้าเรียกย่อๆ ว่า “ร้านเน็ต” จะดูไร้สาระขึ้นมาทันที เหมือนเราไปเพื่อนั่งแชท เปิดกล้อง หาเพื่อนหาแฟน แอบเล่นเว็บโป๊... เหมือนภาพพวกนี้มันลอยเข้ามาเลย ดูชั๊ว ชั่ว
แต่ถ้าเราเปลี่ยนจากร้านเน็ตเป็นร้านอินเตอร์เน็ต หรือบริการอินเตอร์เน็ต มันจะดูดีมีชาติตระกูลขึ้นมาทันที จะดูเหมือนเพื่อการศึกษา เช็คเมล์ประกอบธุรกิจ คุยงาน หาข้อมูล!!! ดูเป็นคนดีขึ้นมา +90 เลเวลทันที ทั้งที่ก็เดินเข้าร้านเดียวกัน... ทำไมภาพพจน์มันต่างกันราวฟ้ากับก้นเหวขนาดนี้
ร้านเน็ตเดี๋ยวนี้ต้องบอกว่า หายากพอๆ กับงมเข็มในห้องสมุด มันกำลังจะกลายเป็นของแรร์ไอเทมพอๆ กับหนังสือ RoVariety หนังสือที่มียอดตามล่าสูงสุด ณ ขณะนี้ (หายากมาก ขนาดไอ้คนเขียนมันยังทำหายเลย... ทุเรศจริงๆ) ช่วงหนึ่งร้านเน็ตถือเป็นที่ต้องการของชาวโลกมากๆ ในยุคที่อินเตอร์เน็ตบ้านยังต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในการล็อกอิน ต่อทีลุ้นแทบลืมหายใจ คุณยังจำเสียงต่อเน็ตยุค 2000 ได้มั้ยครับ
แอด...อิ๊ อ๊อดดด...อ่อด แอ๊ดดดด...อ่อ อิ๊ แอ่ดดด...อ่อดแอ๊ดดดด
เสียงแย่มากกก... เหมือนคนกำลังจะขากเสลด ทำไมไม่เอาเสียงเพลงหรือเอาเสียงบรรเลงอะไรมาให้ฟังยังจะดีซะกว่า เพื่อนผมนี่มันฟังจนทำเสียงต่อเน็ตโบราณได้ เป็นความสามารถพิเศษที่ทุกวันนี้ ก็ยังไม่กล้าอวดใคร มันภูมิใจรึเปล่ายังไม่รู้เลย เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ
คือที่มันฟังจนหลอนติดหูไม่ใช่อะไร มันต่อแล้วหลุด!!! หลุดแล้วก็ต่อใหม่!!! ต่อแล้วก็หลุด!!! หลุดแล้วก็ต่อใหม่!!! ต่อแล้วก็หลุด!!! หลุดแล้วก็ต่อใหม่!!! ตกลงนี่มันคือเน็ตเพื่อการศึกษา หรือเน็ตฝึกความอดทนกันแน่เนี่ย สรุปคือโอเค...ถ้าอยากจะบีบให้ออกไปหาร้านข้างนอกมากนัก ไปก็ได้โว้ย 
มีเรื่องหนึ่งพี่ผมสงสัยมาตลอด จนถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ (แต่ร้านที่จะให้สงสัยไม่ค่อยเห็นแล้วล่ะ) สงสัยว่าทำไมค่าชั่วโมงเล่นเน็ตถึงแพงกว่าเล่นเกมส์!! อย่าปฏิเสธว่าไม่เคยเจอ หน้าร้านนี่เขียนเลย อินเตอร์เน็ต ชม.ละ 25 เกม ชม.ละ 20
พอผ่านมาสักปีราคาลงเว้ย อินเตอร์เน็ต ชม.ละ 20 เกม ชม.ละ 15
ผ่านไปอีกปีราคาถูกลงอีก เน็ต ชม.ละ 15 เกมส์ ชม.ละ 10
เออยังดีที่หยุดอยู่แค่นี้ ไม่งั้นยุคหนึ่งเราอาจได้เห็นเน็ต ชม.ละ 5 บาท ส่วนเกมส์เล่นฟรี ใครอยากเล่นอะไรเล่น เดี๋ยวทางร้านจ่ายค่าไฟให้ จะบ้าเหรอ... ทำไมวะ!! ทำไม ทำไมเกมถึงต้องถูกกว่ากัน 5 บาทเสมอ กฎหมายฉบับไหนบัญญัติไว้
จำได้แม่นเลย ผมเคยเข้าร้านแบบนี้แหละ เน็ต 25 เกม 20 แต่วันนั้นผมเล่นเกม นั่งปั่นเวล ตีมอนส์อะไรไปเรื่อย วันนั้นเกิดเบื่อเร็ว เล่นไปครึ่ง ชม. เกิดอยากเล่นเน็ตเว้ย เบื่อเกมส์ละ อยากดูรูปโป๊ (เฮ้ย..เฮ้ย นักเขียนทำไมไม่เป็นตัวอย่างที่ดีกับเยาวชนวะ) ปิดเกมเล่นเน็ตดีกว่า
เฮ้ย... ไม่ได้สิ เราเล่นเกมส์นี่หว่า ผมบอกกับตัวเองเหมือนละครไทย
วินาทีนั้น ความรู้สึกเหมือนผมกำลังพิสูจน์สิ่งลี้ลับอะไรบางอย่าง ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่า ถ้าเราเล่นเกมไปแล้ว เราจะเล่นเน็ตได้หรือไม่!!!! อะไรมันจะเกิดขึ้น!!! ผมปิดเกมส์ แล้วลองเข้าเน็ต!!!
ขุ่นพระ!!!! เข้าเน็ตได้!!!!
ผมก็ไม่รู้จะตกใจทำซากตึกอะไร ก็แหงอยู่แล้ว เกมออนไลน์มันก็ต้องใช้เน็ต ถ้าเล่นเน็ตไม่ได้สิแปลก โอเค... จริงๆ ก็ไม่น่าลุ้นอะไรเท่าไหร่หรอก ไอ้ที่มันน่าลุ้นจริงๆ คือ ต้องจ่ายเท่าไหร่มากกว่า ไอ้เจ้าของร้านมันเห็นแล้วด้วย 25 หรือ 20 วะเนี่ย
จริงๆ มันก็ไม่ควรจะลุ้นเหงื่อแตกอะไรขนาดนั้น ถ้าเกิดวันนั้นไม่พกมาแค่ 20 พอดีเป๊ะ อืม... แล้วเกิดอยากมาพิสูจน์อะไรวันนี้ก็ไม่รู้ ผ่านไปครบ 1 ชม. ผมเดินไปจ่ายตังค์ ...เป็นอย่างที่คิดไว้ในใจจริงๆ
25 บาท!!!
“เฮ้ยพี่ ผมมีแค่ 20 อ่ะ แล้วผมก็เล่นเกมส์นะ” ผมเริ่มดิ้นแล้วเว้ย พี่แกชี้ไปหน้าร้านเลย
เน็ต 25!! เกม 20!! เมื่อกี้อั้วเห็นลื้อเล่นเน็ต ก็ต้อง ชม.ละ 25 บาท!!!
อะไรวะ!!! ไอ้เหี้ยยยย เอากันยังงี้เลยเหรอ สรุปคือกูแตะไอคอนตัว E นี่ไม่ได้เลยใช่มั้ย!!! แตะปั้บโดนอีก 5 บาททันที มันจุกแค้นยังไงไม่รู้ สู้มึงปรับทั้งเน็ตทั้งเกมส์ 25 เท่ากันยังรู้สึกดีกว่า 
25 บาท!!!
อีห่ารากนี่ก็ย้ำจริง... กูจ่ายก็ได้ สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาเงินเพื่อนเพื่อเอาตัวรอดออกมา
บางร้านมันก็แบ่งวรรณะแปลกๆ เครื่องเกมส์นี่ใหม่มาก ประหนึ่งพึ่งประกอบเสร็จแล้วยกมาเล่นเลย ส่วนไอ้เครื่องสำหรับเล่นเน็ต สภาพเหมือนคอมบริจาค สีโคตรวินเทจ จะอมเหลืองไปไหน เก่าไม่เคืองเท่าอนาถ ค่าชม. เสือก
แพงกว่าอีกต่างหาก สู้แกล้งบอกว่าเล่นเกมส์ แล้วไปใช้เครื่องเกมเล่นเน็ตไม่ดีกว่าเหรอ
พูดถึงความคลาสสิกของร้านเน็ต... เอาแบบร้านเน็ตออริจินอลเลยนะ ไม่มีเกมให้เล่นเลย
มันก็คือร้านสำหรับนั่งทำงานน่ะแหละ คอมกากและเก่า ตู้น้ำตู้นึง มีน้ำอัดลม น้ำเปล่า ชามะนาว มีบริการปริ้นท์งานขาวดำ แผ่นละ 5 บาท ปริ้นท์สีราคาจี้ปล้น แผ่นละ 30... โอ้โห ถ้าจะคิดราคานี้ไม่ลากไปปล้นหลังร้านเลยล่ะ ถึงจะบ่นๆ แต่เมื่อจนตรอกมันก็ยอมจ่ายล่ะวะ
คาแรคเตอร์เจ้าของร้านก็จะเงียบๆ นิ่งๆ ไม่ร่าเริงใดๆ ทั้งสิ้น เรียกว่าจืดเลยล่ะ แต่ผู้คนที่มาใช้บริการจะเงียบกว่า นั่งเงียบๆ ใครแอบบันเทิงก็ใส่หูฟังเงียบๆ ครบ ชม. ก็จ่ายตังค์และเดินจากไปอย่างเงียบๆ
แต่เชื่อมั้ย เห็นเงียบๆ ยังงี้นะ อยู่ทนมากกก... ร้านเกมอื่นเค้าเจ๊งไปหมดแล้ว แถวบ้านผมนี่มีร้านเน็ต 2 ร้าน ทุกวันนี้ยังอยู่ครบทั้ง 2 ร้านอ่ะ แต่หน้าร้านเปลี่ยนธีมไปเรื่อย ขายกาแฟบ้าง ข้าวไข่เจียวบ้าง ล่าสุดเป็นน้ำแข็งใส อีกร้านนึงขายลูกชิ้น ก็เข้าใจว่าแค่ขายเน็ตอย่างเดียวมันไม่พอยาไส้อ่ะนะ
ลูกค้าเค้าก็โคตรจะคลาสสิก หน้าเดิมๆ เกื้อกูลกันมาตลอด 10 ปี ไม่คิดใช้ 3G ไม่คิดใช้ Wi-Fi เลย ซึ่งผมก็คาดว่าน่าจะอยู่ด้วยกันยันแก่เฒ่า ไม่สิ... มันก็แก่กันอยู่แล้วนี่หว่าทั้งเจ้าของร้านและลูกค้า 
พูดถึงตัวผมเองนี่ ผมยอมรับว่าตัวเองล้าหลังกว่าชาวบ้านเค้าประมาณเท่าตัวนึง 2 ปีที่แล้ว คนอื่นเค้ามีเน็ตติดบ้านกันหมดแล้ว ผมยังเดินเข้าออกร้านเน็ตเพื่อเล่น Facebook อยู่เลย ต้องร้านเน็ตด้วยนะ ต้องการความสงบ 
แต่ร้านเน็ตมันก็มีพัฒนาการของมัน หุ หุ หุ
จากช่วงนึงที่มีแต่ร้านจืดๆ ไม่ค่อยดึงดูด ลองได้พึ่งพาการตกแต่งเพิ่มสไตล์ไปสักเล็กน้อย มันก็จะดูน่าเข้าไปเล่นทันที ขนาดบางคนมีเน็ตอยู่บ้านแล้วยังอยากเข้าไปเลย ร้านแบบนี้แหละสีสัน น่าเข้าด้วยแรงดึงดูดส่วนตัว
ไอ้พวกความเกรียน ความวุ่นวาย มันจะอยู่ในร้านแบบนี้แหละ เพราะไอ้พวกร้านคลาสสิกมันเสียงดังไม่ได้ เจ้าของร้านมันด่า...เดี๋ยวครั้งหน้าเรามาต่อร้านเน็ตโมเดิร์นสไตล์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น